เซอร์เออร์เนสต์ แชคเคิลตัน นักสำรวจขั้วโลกใต้ผู้ลือชื่อ เคยบรรยายไว้ว่า คืนหนึ่งในที่พักฉุกเฉิน เขาและลูกทีมพยายามนอนหลับ หลังจากแบ่งสรรปันส่วนขนมปังกรอบแพ็คสุดท้ายกัน สถานการณ์คับขัน และไม่มีใครแน่ใจว่าจะได้กลับมาสู่ความศิวิไลซ์หรือเปล่า
แชคเคิลตันรู้สึกมีการเคลื่อนไหว และเห็นว่าลูกทีมคนหนึ่งหันไปดูว่าคนอื่นๆ เป็นยังไงกันบ้าง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าทุกคนหลับกันหมดแล้ว เขาจึงยืดแขนข้ามคนที่นอนอยู่ข้างๆ ไปหยิบถุงขนมปังกรอบของเขา แชคเคิลตันตะลึงงัน เขาคิดว่าเขาคงฝากชีวิตไว้กับชายผู้นี้ได้ แต่ชายผู้นั้นขโมยขนมปังชิ้นสุดท้ายของคนอื่น ความบีบคั้นผลักดันให้เขากลายเป็นขโมยอย่างนั้นหรือ แล้วเขาเห็นชายผู้นั้นขยับตัวอีก เขาหยิบขนมปังกรอบจากถุงของเขาเอง เอาทั้งสองชิ้นใส่ถุงของชายอีกคนหนึ่ง และค่อยๆ เอาถุงวางไว้ข้างๆ เพื่อนผู้นอนหลับอยู่ แชคเคิลตันกล่าวว่า “ผมไม่กล้าบอกชื่อชายผู้นั้น ผมรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าว เป็นความลับระหว่างเขากับพระเจ้า” คุณจะเต็มใจทำอะไรบ้าง เพื่อมอบความรักให้แก่คนรอบข้าง ไม่มีผู้ใดมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้คือ การที่เขายอมสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตนเอง - พระเยซู (ยอห์น 15:13)
0 Comments
“ห้องหรรษา”ที่น่าสนุกสนานรื่นเริงชุดนี้ เปี่ยมด้วยความตื่นเต้น เสียงเพลงและสิ่งที่ไม่คาดฝันนานับประการ ซึ่งคุณหนูๆจะติดอกติดใจ
โดย เอลซา ไซครอฟสกี้
เมื่อฉันนึกย้อนหลังถึงเทอมแรกตอนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งในวิทยาลัยที่ลืมไม่ลง ภาพชายหนุ่มสูงร้อยเก้าสิบห้าเซนติเมตร หุ่นเก้งก้าง ผมสีดำ ผุดขึ้นมาในหัวคิด สตีฟเป็นรุ่นพี่ปีสี่เรียนคณะเดียวกับฉัน แต่เราพบกันครั้งแรกในหลักสูตรการศึกษาทั่วไป ฉันนึกชมเชยเขา เพราะเขามานั่งแถวแรกกับฉัน ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่หลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่าฉันจำหน้าเขาแทบไม่ได้ เพราะเห็นเขาแค่สองสามครั้งในออฟฟิศที่คณะ เขาทักทายฉันด้วยการพยักหน้า ฉันมีช่วงว่างสองชั่วโมงก่อนเข้าชั้นเรียน จึงมุ่งหน้าไปที่ห้องอ่านหนังสือใกล้ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบบทประพันธ์มหากาพย์เรื่องโอดิสซีย์ ฉันต้องประหลาดใจเมื่อเจอสตีฟที่นั่น เขานั่งจิบกาแฟ อ่านเวนิสวาณิช ปรากฏว่าเขามีช่วงว่างสองชั่วโมงเหมือนกัน ฉันนั่งตรงข้ามเขา และหยิบหนังสือขึ้นมา ฉันขี้อายจึงไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าไม่ควรข้ามรุ่น ระหว่างรุ่นพี่ปีสี่กับรุ่นน้องปีหนึ่ง บางครั้งดูเหมือนว่าสตีฟอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้พูดอะไร จึงค่อนข้างน่าอึดอัด ทว่าเขามีทีท่าเป็นมิตร สองชั่วโมงถัดไปเรานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ตลอดหลายสัปดาห์ ทุกวันอังคารเราสองคนจะนั่งตรงข้ามกัน อ่านหนังสือเงียบๆ ถึงกระนั้น การมีใครอยู่ด้วยสักคนก็ช่วยคลายความเหงา จากการที่นักศึกษาทุกคนต้องท่องตำราและศึกษาเล่าเรียนไม่หยุดหย่อน การที่เขาตั้งอกตั้งใจเรียนอย่างสม่ำเสมอ เป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมต่อฉัน เพราะฉันดิ้นรนกับสิ่งที่ทำให้วอกแวก รวมทั้งความตื่นเต้นในโลกมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่และสลับซับซ้อน ดังภาษิตที่ว่า “เหล็กลับเหล็กให้คมได้ฉันใด คนเราก็ลับเพื่อนมิตรให้เฉียบแหลมได้ฉันนั้น”1 ในที่สุด วันหนึ่งที่อากาศร้อน เขาต้องการเปิดพัดลมในห้องอ่านหนังสือ เขาเป็นสุภาพบุรุษ จึงถามฉันก่อนว่าขัดข้องไหม เราพูดคุยกัน และค้นพบว่าเราต่างก็ชอบเชคสเปียร์ ภาษาศาสตร์ และมิสซิสลี อาจารย์ยอดนิยมในคณะ เขาดีใจที่ได้แบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์ในหลักสูตรนักศึกษาปีหนึ่งที่ฉันเรียนอยู่ และแนะนำหลักสูตรที่น่าสนใจบางหลักสูตร ช่วงที่เหลือของเทอม การเรียนในวันอังคารของเราคั่นด้วยการพูดคุยนิดหน่อย รวมถึงมุกตลกสอดแทรก เราทักทายกันในห้องโถง และเรียนวิชาเลือกด้วยกันในเทอมถัดไป สตีฟได้รับผลประโยชน์น้อยมากจากการพูดคุยกับฉัน แต่ฉันตระหนักว่าเขาไม่เพียงเห็นว่าเรารักการเรียนเหมือนกัน ทว่าเขาเห็นใจที่ฉันเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่ไม่รู้อะไร เหมือนที่เขาเคยเป็น เขาไม่ได้ปล่อยให้กรอบสังคมกีดกั้นเขาจากการเอื้อเฟื้อ พอฉันขึ้นปีสอง เขาสำเร็จการศึกษา เราขาดการติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ฉันจะสำนึกในบุญคุณสตีฟเสมอ เพราะสิ่งที่เขาสอนฉันจากตัวอย่างของเขา เมื่อบรรทัดฐานทางสังคมขัดแย้งกับการแสดงน้ำใจ ขอให้น้ำใจเป็นตัวตัดสิน เราไม่ควรให้ความสำคัญต่อบรรทัดฐานทางสังคมที่ส่งเสริมการแยกตัว เช่น การแบ่งแยกนักศึกษาปีสี่กับปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้มีความรับผิดชอบในการมอบความรักแก่ผู้ที่พบปะ นอกจากนี้ วันอังคารที่เรานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพที่ดีไม่ต้องสร้างขึ้นจากการเข้าสังคม หรือเสน่ห์ภายนอก มิตรภาพที่ดีมาจากการมีความเคารพต่อกัน ประกอบกับมีความสนใจเหมือนกัน และสิ่งที่อัครสาวกแนะนำไว้ “เหนือสิ่งอื่นใด จงสวมใส่ความรัก เพราะความรักผูกพันเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์”2 1. สุภาษิต 27:17 2. โคโลสี 3:14 Text from Activated magazine. Image designed by Brgfx/Freepik and Katemangostar/Freepik. ![]()
โดย เอ็ดมันด์ ไซครอฟสกี้
คงเป็นเรื่องง่าย ผมนึกขณะที่เตรียมเข้ามัธยมปลาย ผมไม่คาดว่าจะมีปัญหากับการผูกมิตรหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้น น่าเสียดายที่ว่าผมหมดความมั่นใจในวันแรกที่ไปโรงเรียน เมื่อเจอเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ผมในห้องเรียน ฌอนสูงไล่เลี่ยกับผม แต่หนักกว่าผมสองเท่า เขาไม่ใส่ใจกับการเรียน ไม่เคยอ่านหนังสือสอบ เขาตะคอกและสบถ ทั้งต่อคุณครูและนักเรียน เขาคุยโวไม่หยุดเกี่ยวกับเกมคอมพิวเตอร์ใช้ความรุนแรงที่เขาเล่น และแรงชักจูงจากเกมที่เห็นได้ชัด ในพฤติกรรมโมโหโทโสและบ่อนทำลายของเขา ผมเริ่มนึกทันทีว่าไม่ต้องการนั่งข้างๆ เขา ![]()
หลายสัปดาห์ผ่านไป ดูเหมือนว่าฌอนแย่ลงทุกที เขาสอบตกเกือบทุกวิชา เขาชกต่อยกับเพื่อนร่วมชั้นทุกวัน เขาไม่มีเพื่อน ผมพยายามทำตัวสุภาพ แต่อยู่ห่างๆ
วันหนึ่งตอนอาหารกลางวัน ที่นั่งข้างๆ ฌอนเป็นที่ว่างเดียวในโรงอาหาร ผมฝืนใจนั่งลง เราคุยกัน ระหว่างการสนทนาสั้นๆ ที่ตามมา ผมพบว่าพ่อของฌอนเสียชีวิตตอนที่เขายังเล็กมาก แม่ของเขาทำงานกะดึก ส่วนใหญ่เขาต้องอยู่บ้านคนเดียว และมีโอกาสอยู่กับแม่ช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น ผมละอายใจที่ตัดสินเขาด้วยทัศนคติแข็งกร้าว ผมจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอื้อเฟื้อฌอน ถึงแม้ว่านั่นจะขัดกับแนวโน้มตามปกติของผม ตอนแรกความพยายามของผมเจอแต่การปฏิเสธ เยาะเย้ย และคำสบถที่ดูถูกดูหมิ่น ผมได้ทราบว่าฌอนเคยถูกรังแกอย่างรุนแรงในอดีต ดูเหมือนว่าเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง เขาจึงได้พัฒนาเปลือกนอกที่แข็งกร้าวและไร้ความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรวมเขาไว้ด้วย เมื่อใดก็ตามที่เราเลือกทีม และก็ยากที่จะพยายามผูกมิตรกับเขา เมื่อความพยายามของผมได้รับคำเหยียดหยามตอบแทน บ่อยครั้งผมอดไม่ได้ที่จะโมโห และนึกสงสัยว่าคุ้มค่าหรือไม่กับความยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายเดือนผ่านไป ฌอนค่อยๆ เป็นมิตรมากขึ้น สี่เดือนหลังจากการสนทนากันครั้งแรก เช้าวันหนึ่งในโรงอาหาร ฌอนยืนกรานที่จะจับคู่กับผมเพื่อทำกิจกรรมในชั้นเรียน ผมตกใจ “นายพูดบ่อยๆ ว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก” ผมบอกเขา “ไม่จริง!” เขาตอบ ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง “นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน เป็นคนเดียวที่ห่วงใยฉัน ฉันอยากให้เราเป็นเพื่อนกันเสมอไป” ![]()
วันนั้นผมไม่เพียงได้รับมิตรภาพที่ยั่งยืน ทว่าผมค้นพบความจริงอันล้ำค่าด้วย ไม่ว่าคนเราจะทำตัว มีสีหน้าท่าทาง หรือพฤติกรรมอย่างไร ทุกคนต้องการได้รับความรักและการยอมรับ ภายใต้เปลือกนอกที่ขรุขระและแข็งกร้าว บ่อยครั้งมีต้นอ่อนรอคอยที่จะเบ่งบาน ถ้อยคำที่บอกกล่าวด้วยน้ำใจ และการกระทำที่ประกอบด้วยความรัก ส่งผลต่อจิตใจคนเรา เช่นเดียวกับแสงแดดส่งผลต่อดอกไม้ อาจใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ บางครั้งก็หลายเดือนหรือหลายปีด้วยซ้ำ กว่าจะได้เห็นผลลัพธ์จากความพยายามของเรา แต่วันหนึ่งบุคคลผู้นั้นจะเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน
Text adapted from Activated magazine. Used by permission.
Photo credits: Image 1: Kirimatsu via DeviantArt.com; used under CC license. Image 2: Flamespeedy via DeviantArt.com; used under CC-NC license. Image 3: Heximer via DeviantArt.com; used under CC license. |
Categories
All
Archives
March 2023
|