ที่พำนักก่อด้วยก้อนหินและอิฐที่ทำจากโคลน ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นเบธเลเฮ็มอยู่ไกลริบๆ ครอบครัวของเราเป็นคนเลี้ยงแกะ และผมเป็นลูกคนสุดท้อง ในบรรดาลูกชายห้าคน เรายากจน ชีวิตยากลำบาก หนำซ้ำยังต้องจ่ายภาษีให้กับพวกโรมัน ทั้งๆที่ประสบความยากลำบาก แต่เราไม่เคยหมดศรัทธาในพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ หรือคำสัญญาของท่านถึงการมาเกิดของพระมาซีฮา คือพระผู้ช่วยให้รอด
เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นวันหนึ่ง ไฟไหม้บ้านของเรา ตอนนั้นผมอายุเพียงเจ็ดขวบ เนื่องจากพ่อกับพี่ชายออกไปเลี้ยงแกะกลางทุ่งกันหมด ไฟลุกลามเร็วกว่าที่แม่ของผมจะดับทัน ขณะที่ผมพยายามวิ่งหนีออกมาข้างนอก ประตูที่ลุกเป็นไฟล้มทับผม แม่ดึงผมออกมา แต่ใบหน้าของผมถูกไฟไหม้อย่างสาหัส ผมจึงมองไม่เห็น ต่อมาแผลที่ถูกไฟไหม้หายเป็นปกติ แต่ผมกลายเป็นคนตาบอด ผมรู้สึกหมดหวังและไร้ปะโยชน์ ผมนั่งอยู่เฉยๆเป็นชั่วโมงๆ จ้องมองความมืดและถามพระเจ้าว่าทำไมท่านปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับผม แม่พยายามปลอบใจผม โดยหางานเล็กๆน้อยๆที่ผมพอจะทำได้ บางครั้งพี่ๆก็พาผมออกไปกลางทุ่งด้วย ด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น เมื่อออกไปที่นั่น ราวกับว่าท่านเป็นผู้เลี้ยงแกะ และผมเป็นลูกแกะตัวหนึ่งของท่าน ผู้ซึ่งต้องมีนำทางไปทุกหนทุกแห่ง หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นผ่านไปห้าปี สิ่งน่าอัศจรรย์ที่สุดเกิดขึ้น เราอยู่ตรงจุดที่ผมโปรดปรานมากที่สุด ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า พี่ชายบรรยายภาพให้ผมฟัง โดยบอกผมถึงสีของก้อนเมฆทุกสี ช่างงามวิจิตร ดั่งสายรุ้งทอแสงข้ามขอบฟ้า แล้วก็ผ่านพ้นไป ความมืดเข้าปกคลุมโลก เหมือนที่ความมืดเข้าครอบคลุมผม หลังจากที่ฝูงแกะเข้านอน แต่พวกเรายังไม่หลับ ทันใดนั้นเอง มีแสงสว่างขึ้นรอบๆตัวเรา แสงสว่างจ้ามาก แม้แต่ผมยังรู้สึกได้ "นั่นอะไร?" ผมร้องถาม "ไม่รู้สิ" พี่ชายตอบ จากน้ำเสียงของเขา ผมก็รู้ได้ว่าเขากำลังตื่นกลัว ต่อมามีเสียงที่ไพเราะมากดังขึ้น เสียงนั้นแผ่ซ่านด้วยสันติสุข "อย่ากลัว นี่แน่ะ เรานำข่าวดีที่น่าชื่นชมยินดีมาบอกผู้คนทั่วหน้า" มีแต่ทูตสวรรค์ที่กล่าวเช่นนั้นได้! "พระผู้ช่วยให้รอดมาเกิดที่เมืองของเดวิด ท่านผู้นั้นคือพระคริสต์ เรามาบอกสัญญาณให้เจ้ารู้ เจ้าจะได้พบทารกน้อย มีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า"
แล้วทุกคนก็ตกตะลึง เพราะทันใดนั้นมีแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าตอนแรกแผ่ออกไปทั่วท้องฟ้า เราได้ยินชาวสวรรค์เปล่งเสียงร้องสรรเสริญพระเจ้า "สง่าราศีแด่พระเจ้าผู้สูงสุด สันติสุขจงมีแด่ชาวโลกผู้ใฝ่หาความดี!" น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! เสียงของเขาเปี่ยมด้วยสง่าราศีและพลังอำนาจของพระเจ้า! แล้วเขาก็หายวับไป
ทุกคนนิ่งเงียบอยู่หลายนาที ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมา พ่อของผมกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า "พระผู้ช่วยให้รอดมากำเนิด และพระเจ้าเห็นควรที่จะประกาศข่าวดีนี้กับเรา! มาเร็ว! ไปดูทารกน้อยที่เบธเลเฮ็ม ตามที่ทูตสวรรค์บอกกันเถอะ!" เอมอสบอกว่าเขาจะอยู่ดูฝูงแกะ เพราะถึงเวรเขาพอดี "ให้เขาอยู่กับเจ้าได้ไหม?" พ่อถาม ผมรู้ว่าพ่อหมายถึงผม เสียงฝีเท้าของเขาห่างออกไป ขณะที่พ่อและคนอื่นๆเดินไปถึงโค้งแรกตามทางเดิน เอมอสกับผมขยับเข้ามาใกล้กองไฟ "เล่าเรื่องทูตสวรรค์ให้ฟังอีกครั้งหนึ่งได้ไหม,เอมอส" ใจผมร้อนรน พวกเรารอคอยการมาของพระมาซีฮาเป็นเวลาเนิ่นนาน ผมหวังอย่างยิ่งที่จะได้ไปกับพวกเขา แต่จะมีประโยชน์อะไร? ผมสลดใจ เพราะไม่มีวันจะได้เห็นพระผู้ช่วยให้รอด พอผมตื่นขึ้นเช้าวันต่อมา แสงแดดส่องใบหน้าผมให้อบอุ่น แต่ความเศร้ายังอยู่ในใจผม ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงผู้คนตื่นเต้นเดินมาตามทาง เสียงตะโกนสรรเสริญ แล้วมีคนเรียกชื่อผม "เห็นพระผู้ช่วยให้รอดหรือเปล่า? เห็นท่านไหม?" "เห็นสิ!" เขาตอบเป็นเสียงเดียวกัน "เราพบท่านตามที่ทูตสวรรค์บอก" พ่อเล่า "มีเพียงรางหญ้า ไม่ได้ดีกว่าของเราหรอก ทว่าเปี่ยมด้วยรัศมีแสนวิเศษ เป็นพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์แน่ๆ พวกเราต่างตื้นตันและดีใจ เราคุกเข่าลงและนมัสการท่าน" "นามของท่านคือเยซู" พี่ชายคนโตบอก "เหมือนที่พ่อเล่าให้ฟัง พี่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน!" แม้ว่าผมจะไม่เห็นใบหน้าที่มีความสุขของพี่ชาย แต่ผมบอกได้จากน้ำเสียงว่าเขาเปลี่ยนไป เมื่อเราเริ่มออกเดินทางกลับบ้าน ชื่อนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจผมเยซู เยซู เยซู อีกหลายปีผ่านไป ก่อนที่จะมีข่าวน่าตื่นเต้นมาจากกาลิลี ผู้พยากรณ์คนใหม่ประกาศสั่งสอนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า ฝูงชนมากมายติดตามท่าน และนามของท่านคือเยซู เป็นพระเยซูองค์เดียวกับที่ทูตสวรรค์บอกไว้เมื่อสามสิบปีก่อน ใช่ไหมหนอ? ผมอยากให้เป็นท่านเหลือเกิน และก็อยากได้อยู่กับท่านยิ่งนัก หลังจากนั้นอีกหลายเดือน วันหนึ่งผมไปที่เบธเลเฮ็มกับแม่ ผมได้ยินเสียงร้องตะโกน และเสียงคนวิ่งผ่านผมไป ฝูงชนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ที่สุดถนน "นั่นอะไร" ผมร้องถาม "เกิดอะไรขึ้น?" "หลีกไป,เจ้าบอด!" มือหยาบกระด้างเช่นเดียวกับเสียงพูด ผลักผมชนกำแพง "ผู้พยากรณ์กำลังผ่านมาทางนี้ พระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ!" ท่านจริงๆหรือ? "พระเยซู พระเยซู!" เสียงของผมถูกกลบด้วยเสียงโกลาหลอื่นๆ "พระเยซู พระเยซู" ผมร้องตะโกนดังขึ้น ทันใดนั้นทุกคนก็หยุดตะโกน และหยุดผลักกัน ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? "พระเยซู!" ผมร้องขึ้นอีกครั้งอย่างสุดจิตสุดใจ
เสียงตอบกลับมาจากเบื้องหน้าผมนั่นเอง เป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ "ใช่ เราเอง เจ้าอยากให้เราช่วยอะไร?"
"พระองค์เจ้าข้า!" ผมเงยหน้าขึ้นด้วยความทึ่งใจ "ผมอยากให้ดวงตาผมหายเป็นปกติ ผมจะได้มองเห็น!" ความรู้สึกน่าอัศจรรย์ใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างของผม ขณะที่พระเยซูวางมือของท่านลงบนดวงตาผม และอธิษฐานต่อพระบิดาบนสวรรค์ "โปรดรักษาดวงตาของเขา" ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้น ผมก็รู้แล้วว่าดวงตาของผมหายเป็นปกติ ความรู้สึกสงบสุขและความรักท่วมท้นในใจผม ความเศร้าโศก ความสิ้นหวัง และความกลัวที่มีมาหลายปี ถูกชำระล้างไปหมดสิ้นในชั่วขณะนั้นเอง ผมคุกเข่าต่อหน้าท่าน และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความรักของพระผู้ช่วยให้รอด
0 Comments
Leave a Reply. |
Categories
All
Archives
November 2024
|